วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552

เตือนภัย!! อันตรายโทรศัพท์มือถือ







อันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือถูกหยิบยกขึ้นมาเผยแพร่ โดยวารสารการแพทย์อังกฤษหรือบริติช เมดิคอล เจอร์นัล (บีเอ็มเอ) ระบุว่าการใช้โทรศัพท์มือถือในที่โล่งแจ้งระหว่างพายุฝนฟ้าคะนองอาจนำอันตรายมาสู่ตัวโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เสี่ยงต่อการถูกฟ้าผ่าเป็นอย่างยิ่ง


คณะแพทย์จากโรงพยาบาลนอร์ธวิค ปาร์ค กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยแพทย์หญิงสวินดา เอสพรี เป็นผู้รวบรวมงานวิจัยชิ้นนี้ ยกตัวอย่างหญิงสาววัยรุ่นอายุ15 ปี ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตขณะพูดคุยโทรศัพท์มือถือในสวนสาธารณะกลางเมืองในช่วงเกิดพายุฝน หวิดทำให้หัวใจวาย แต่โชคดีรอดชีวิตราวปาฏิหาริย์ แต่ก็สูญเสียความทรงจำทั้งหมดไป เยื่อแก้วหูซ้ายทะลุ ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 1 ปี รวมถึงกระทบกระเทือนทางจิตใจและอารมณ์ด้วย


รายงานยังระบุถึงสถิติจากสื่อมวลชนทั่วโลก สรุปว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุฟ้าผ่าขณะใช้โทรศัพท์มือถือรวม 4 ราย ในประเทศจีนปี 2548 เกาหลีใต้ในปี 2547 และมาเลเซียในปี 2542 และล่าสุดเพิ่งมีหนุ่มชาวไทยที่พัทยาคุยโทรศัพท์มือถือระหว่างนั่งตกปลากลางสายฝน โดนฟ้าผ่าตายคาที่ ซึ่งความเสี่ยงอันตรายของโทรศัพท์มือถือไม่ได้เกิดจากรังสีที่แผ่ออกมาเท่านั้น แต่ต้องระวังส่วนประกอบโลหะของตัวเครื่องที่เป็นสื่อไฟฟ้าอย่างดีด้วย เพราะเมื่อคนเราถูกฟ้าผ่า อาจทำให้ได้รับอันตรายบาดเจ็บหรือเสีย ชีวิตได้



ทำไม??เครื่องบินในไทยถึงใช้คำว่า HS






เคยสังเกตกันบ้างไหมว่า เครื่องบินในประเทศไทยได้ใช้สัญลักษณ์การลงทะเบียนอากาศยานที่จดทะเบียนในประเทศไทยที่ขึ้นต้นด้วย HS หรือที่เรียกกันว่า Hotel Sierra กันนั้น มีประวัติมาจากหนใดกัน


ประเทศที่ขอ Prefix ได้ในช่วงเวลาใกล้ๆกับประเทศไทย ก็มักจะเลือกสัญญาณเรียกขานที่บ่งถึงประเทศตัวเอง เช่น ญี่ปุ่น หรือ JAPAN ได้ JA ส่วน Germany ซึ่งเรียกตัวเองว่า ดอยช์แลนด์ ก็ได้ DL แล้วคำว่า HS ที่นำหน้าสถานีของประเทศไทยนั้นหมายความว่าอย่างไร


ท่านอาจารย์อุดม จะโนภาษาเขียนไว้ว่า "เรื่องนี้ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าเปรมบุรฉัตร ไชยากรณ์ ซึ่งเป็นโอรสของเสด็จในกรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เล่าให้ฟังว่า ในขณะนั้นยังมีอักษรอื่นก่อนตัว HS ที่ทรงเลือกอักษร HS เพราะจะให้มีความหมายว่า "His Majesty The King Of SIAM " ในสมัยนั้นประเทศไทยยังเรียกว่า SIAM อยู่ เวลาเรียกขานทางวิทยุทีหนึ่งก็จะได้เป็นการถวายความเคารพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ประเทศไทยจึงมีสัญญาณเรียกขาน ว่า HS ตั้งแต่บัดนั้นมา สถานีโทรทัศน์ เช่น สถานีโทรทัศน์กองทัพบก มีสัญญาณเรียกขานทางวิทยุว่า HSATV ฯลฯ"





วิธีกำจัดรอยเปื้อนบนเสื้อผ้า




- เปื้อนยา กำลังกินยาแล้วทำยาหกรดเสื้อ ให้ใช้น้ำเย็น ๆ ล้างออก จากนั้นซักผ้าตามปกติ
- เปื้อนเบียร์ กำลังซดเบียร์หรือกำลังรินเบียร์ให้สุดที่รัก แต่เบียร์เจ้ากรรมดันหดรดเสื้อผ้า ให้คุณรีบใช้ผ้าชื้นถูออกโดยเร็วหรือใช้น้ำล้างออก จากนั้นซักผ้าตากปกติ
- เปื้อนเลือด เนื่องจากเลือดมีโปรตีน จึงไม่ควรใช้น้ำร้อนเช็ดล้าง ควรใช้น้ำเย็นและสบู่ล้างออก หากเป็นผ้าไหม ให้ใช้แอลกอฮอล์ค่อย ๆ เช็ดอย่างระวัง เปื้อนน้ำดำ ให้ใช้ผ้านุ่มกับน้ำสบู่เช็ดถูออกหรือใช้ผ้าชื้นเช็ด จากนั้นซักผ้าตามปกติ
- เปื้อนน้ำยาดับกลิ่นตัว สาวๆ หนุ่มๆ มักมีปัญหากับการที่น้ำยาดับกลิ่นตัวเปื้อนติดเสื้อผ้า โดยเฉพาะรักแร้ วิธีแก้ไขก็คือ ให้ใช้น้ำส้มสายชูเจือจางล้างบริเวณที่เปื้อนออกโดยใช้มือ จากนั้นซักผ้าได้ตามปกติ


10 วิธีง่ายๆ ใช้ระงับความโกรธ

10 วิธีง่ายๆ ใช้ระงับความโกรธ


1.หลีกเลี่ยง
"การหลีกเลี่ยง" กับ "การหลีกหนี" แตกต่างกันนะครับ การหลีกเลี่ยงไม่ได้หมายความว่าคุณขลาดกลัว หรือไม่เป็นลูกผู้ชาย ตรงกันข้าม วิธีนี้กลับเป็นสิ่งที่แสดงวุฒิภาวะในการควบคุมอารมณ์ของคุณต่างหาก คุณอาจจะออกมาเดินเล่น ผ่อนคลาย ประนีประนอม หรือไม่ก็พับงาน-กิจกรรมนั้นไว้ว่ากันวันหลังที่อารมณ์ดีขึ้นแล้ว ต้องจำให้ขึ้นใจนะครับว่า ไม่ใช่การหลีกหนีโดยไม่รับผิดชอบ หรือก่อความเสียหายไว้ให้คนอื่นต้องตามแก้


2. ระบาย
"ระบาย" นะครับ ไม่ใช่ "ระเบิด" และต้องรู้จักเลือกคนที่เราจะระบายด้วยนะ ควรเป็นคนที่เข้าใจ และไว้ใจได้ เพราะขืนไประบายกับคนที่ไม่เข้าใจ และพวกปากประชาสัมพันธ์แทนที่จะระบายจะทำให้คุณสบายใจ สบายหัว การระบายโดยไม่เลือกนิสัย และสันดานของบุคคลที่สาม อาจกลายเป็นการจุดชนวนระเบิดตูมใหญ่ให้คุณดีๆ นี่เอง

3.กิน
มีใครจะปฏิเสธบ้างว่า การกินคือวิธีสร้างสุขอย่างดีวิธีหนึ่งของมนุษย์ โดยเฉพาะการกินอาหารอร่อยถูกปาก คุณเอ๋ย...สุขอย่าบอกใคร ทุกครั้งที่ลิ้นได้รับรสอันโอชะของอาหารจานโปรด เชื่อสิว่าความโกรธจะดับวูบลงราวกับโยนไม้ขีดไฟลงแม่น้ำเลยละ โดยเฉพาะอาหารจำพวกขนมหวาน เพราะมีการพิสูจน์แล้วว่า สามารถดับพิษแห่งความโกรธได้ชะงัด อ้อ...อย่าโกรธบ่อยจนอ้วนก็แล้วกัน

4.ดื่ม
โดยเฉพาะดื่มเครื่องดื่มเย็นๆ รสซาบซ่า ฉ่ำใจ อาจจะเป็น น้ำเปล่า น้ำผลไม้ น้ำอัดลมเย็นเจี๊ยบสักแก้ว จะซดเฮือกๆ ให้หายโกรธ หรือค่อยๆ จิบละเลียดช้าๆ ก็ไม่ว่ากัน ตราบใดที่ความเย็นยังบรรเทาความร้อนได้ น้ำเย็นก็สามารถบรรเทาความโกรธได้ตราบนั้น ที่สำคัญถ้าคุณระงับความโกรธด้วยแอลกอฮอล์เย็น อย่าเมาแล้วขับ หรือหลับข้างถนนก็แล้วกัน


5.หัวเราะ
มีหลายอย่างที่จะทำให้คุณหัวเราะได้ การพูดคุยกับคนที่มีอารมณ์ขัน การอ่านหนังสือ ดูตลกในทีวี หรือแม้แต่การส่องกระจกดูหน้าตาตัวเองที่กำลังโกรธเกรี้ยวเป็นไอ้บ้าอยู่ก็ตาม เอาเป็นว่าทุกเรื่อง ทุกคนที่กระตุ้นต่อมฮาของคุณได้ก็โอเค ทุกครั้งที่โกรธ จงหัวเราะดังๆ ให้เท่ากับความโกรธที่มันจุกอกอยู่ รับรองว่าต่อมฮาฆ่าความโกรธกระจาย (แต่อย่าเผลอหัวเราะตอนเจ้านายกำลังด่าคุณก็แล้วกัน)


6.ร้องไห้
การร้องไห้เป็นกลไกของร่างกายตามธรรมชาติที่ช่วยระบายความเครียด ความคับข้องในจิตใจให้หมดสิ้นไป รวมทั้งการระบายความโกรธ ดังนั้น ผู้ชายร้องไห้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เว้นเสียแต่ว่าคุณจะแหกปากร้องไห้ หรือสะอื้นฮักๆ ต่อหน้าธารกำนัล ถ้าโกรธตอนอยู่คนเดียวแล้วไม่รู้จะทำยังไง หรืออยากจะร้องไห้ ลองปล่อยน้ำตาให้ไหลโดยไม่ต้องบังคับดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าร้องไห้ช่วยไล่ความโกรธได้จริงๆ

7.ร้องเพลง
เพลงอะไร กับใคร ที่ไหน ร้องไปเถอะ จะร้องเบาๆ หรือแหกปากร้องก็เอาเลย สังคมไทยไม่เคยรังเกียจคนร้องเพลง (ยกเว้นร้องเพลงรักในงานศพ) นักจิตวิทยาบอกว่า การร้องเพลงจะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดผ่อนคลาย และหายโกรธได้ ถ้าโกรธจนนึกไม่ออกว่าจะร้องเพลงอะไร ขอแนะนำว่าให้ร้องเพลงไทยยอดนิยมตลอดกาล "เพลงชาติ" หรือ "เพลงช้าง" ที่ร้องได้ตั้งแต่ชั้น ป.1 รับรองว่าทั้งคนร้อง คนฟังฮาครืน ครื้นเครง


8.พักผ่อน
หากิจกรรมที่คุณทำแล้วเพลิดเพลิน ออกกำลังกายช้อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง อะไรก็ได้ที่ทำแล้วคุณรู้สึกว่าได้ผ่อนคลายความตึงเครียด ความโกรธ และไม่ทำให้ตัวเองและคนอื่นเดือดร้อนทำไปเถอะ มีข้อแม้อยู่นิดเดียวว่าการพักผ่อนนั้น อย่าทำให้คุณเสียงาน และเสียเงินจนเกินไปก็แล้วกัน

9.นอนหลับ
เคยสังเกตไหมว่า เวลาที่คุณโกรธ หรือเครียดมากๆ เป็นเวลานานๆ คุณจะรู้สึกหนักหัว และง่วงนอนมากๆ นั่นแหละคือสัญญาณที่ร่างกายต้องการบอกคุณว่า ถ้าได้หลับเต็มอิ่มสักงีบ อารมณ์โกรธของคุณจะได้รับการปลดปล่อยโดยกลไกธรรมชาติ หากจะพูดถึงกระบวนการระบายความโกรธในขณะนอนหลับคงจะยืดยาวน่าเบื่อ เอาเป็นว่าถ้าไม่เชื่อลองนอนหลับดูก็แล้วกัน


10.ให้อภัย
ฟังดูแล้วอาจจะพระเอ๊ก...พระเอก แต่ทุกครั้งที่เราให้อภัยคนที่ทำให้โกรธ เชื่อสิว่าถึงไม่ได้อะไร แต่เราก็ภาคภูมิใจ สบายใจอยู่ลึกๆ การให้อภัยคือการปล่อยวาง และให้โอกาสทั้งตัวเองและผู้อื่น ให้โอกาสผู้อื่นได้แก้ตัว ปรับปรุงตัว ให้โอกาสตัวเองได้เป็นผู้ให้ ได้ฝึกนิสัย และจิตใจตัวเองให้เย็นลง และรู้จักปล่อยวาง รู้สึกดีทั้งผู้ให้ และผู้ได้รับการอ


เตือนภัย!! : ล้างหน้าไม่สะอาดระวังโรค ฝีที่เปลือกตา




ฝีที่เปลือกตา (meibumion) ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการใช้เครื่องสำอาง ที่ไม่ค่อยสะอาด ทำให้เกิดการสะสมของสิ่งสกปรกไปอุดตันที่รูขุมขนลามมาเปลือกตาด้านในและเกิดเป็นหนองขึ้น โดยวิธีการรักษานั้นทำได้โดยการให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเจาะหนองที่เปลือกตาออก

จากอาการป่วยดังกล่าวนี้จะเห็นได้ว่า ความสะอาดของเครื่องสำอาง และการทำความสะอาดใบหน้าหลังจากการใช้เครื่องสำอางค์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเครื่องสำอางไม่สะอาดพอและทำความสะอาดใบหน้าหลังการแต่งหน้าได้ไม่ทั่วถึง ก็อาจจะทำให้เกิดการตกค้างของสารเคมีและเมื่อเกิดการหมักหมมในปริมาณมากก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับผิวหน้าและบริเวณสำคัญ เช่น ดวงตาได้

ดังนั้นถ้าต้องแต่งหน้าเป็นประจำก็ควรให้ความสำคัญกับความสะอาดด้วย ควรทำความสะอาดใบหน้าทุกครั้งหลังการแต่งหน้า เลือกคลีนเซอร์ให้เหมาะกับผิว รวมถึงเลือกอายมูฟเวอร์ที่มีความปลอดภัยต่อดวงตาด้วย จำไว้นะคะว่าความสะอาดเป็นสิ่ง


ถั่วเหลืองกินมากไปไม่ดี




ถั่วเหลืองเป็นหนึ่งในอาหารที่เรียกว่า "ซูเปอร์ฟู้ด" เพราะสามารถต้านโรคมะเร็งทรวงอก ทำให้กระดูกแข็งแรงและให้ผู้ที่เป็นเมนโนพอสมีอาการดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันถั่วเหลืองถูกแปลงรูปให้อยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น นมถั่วเหลือง เต้าหู้ โยเกิร์ต ชีส ฯลฯ


จีนเป็นชาติแรกที่เพาะปลูกถั่วเหลือง โดยนำมาใช้ทั้งทำเป็นยาและอาหาร ซึ่งปีที่แล้วจีนต้องนำเข้าถั่วเหลืองจากประ เทศต่างๆ นับล้านตัน เพราะที่เพาะปลูกไม่เพียงพอที่จะบริโภคในประเทศ


ปัจจุบันในอุตสาหกรรมอา หารนำถั่วเหลืองเข้าไปเป็นส่วนประกอบของสินค้ามากขึ้น โดยอยู่ในชื่อ "แป้งถั่วเหลือง" "น้ำมันพืช" "โปรตีนคอนเซนเทรต" "เลซิธิน" "แพลนต์ สทีรอล" ฯลฯ ผู้คนหลายล้านคนเชื่อว่าถั่วเหลืองเป็นพืชที่ดีต่อสุขภาพ เนื่องจากให้โปรตีนที่ไม่มีกรดไขมันอิ่มตัว ไม่เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล


อย่างไรก็ตาม มีหลักฐานพบมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า ถั่วเหลืองอาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้


เช่น จากการศึกษาลิงเพศผู้ที่กินนมถั่วเหลืองของมหาวิทยาลัยเอดินเบิร์ก ประเทศอังกฤษ พบว่า ลดระดับฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนในลิงลดลง การศึกษาหลายชิ้นของนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นยังพบว่า ถั่วเหลืองเข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อมไทรอยด์ โดยเข้าไปกั้นไอโอดีนที่จำเป็นต่อต่อมไทรอยด์ ส่งผลให้น้ำหนักเพิ่มอ่อน เพลีย อารมณ์แปรปรวน ผู้ที่เป็นโรคไทรอยด์จึงได้รับการแนะนำว่า ไม่ควรรับประทานหัวกะหล่ำ ถั่วลิสง หัวเทอร์นิปส์ ไพน์นัต เพราะเป็นพืชที่เข้าไปขัดขวางการทำงานของต่อม ไทรอยด์เช่นเดียวกับถั่วเหลือง


ดร.มาริลิน เกลนวิลล์ นักโภชนาการ แนะนำว่า "การรับประทานอาหารต้องรับประทานแต่พอดี เพราะถั่วเหลืองจะดีต่อสุขภาพถ้าเราไม่ทานมากเกินไป คือ วันละ 30 กรัม เป็นจำนวนที่กำลังเหมาะ"


ทำไมเมื่อไข่อยู่ในน้ำเกลือถึงลอยได้??

เกิดจากแรงลอยตัวที่เป็นผลจากแรงที่กระทำต่อไข่ด้านใต้ไข่มีมากกว่าแรงกดที่อยู่ด้านบนของไข่ (จากขนาดของแรงกดของของเหลวนี้จะเท่ากับ (rho)gh) เมื่อความหนาแน่นเพิ่มขึ้น จะส่งผลให้แรงลอยตัวเพิ่มขึ้นด้วย (พอดีสัญญลักษณ์ตัว rho พิมพ์ในกูรูไม่ติดเลยใช้วงเล็บแทน คือค่าของความหนาแน่น g คือค่าความเร่งจากแรงโน้มถ่วงของโลก h คือระดับความลึกในของเหลว)ซึ่งสูตรนี้นำไปหแรงกดดันใต้น้ำลึกได้ด้วย


ประโยชน์ของคอมพิวเตอร์

จากการที่คอมพิวเตอร์มีลักษณะเด่นหลายประการ ทำให้ถูกนำมาใช้ประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตประจำวันในสังคมเป็นอย่างมาก ที่พบเห็นได้บ่อยที่สุดก็คือ การใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ เช่น พิมพ์จดหมาย รายงาน เอกสารต่างๆ ซึ่งเรียกว่างานประมวลผล ( word processing ) นอกจากนี้ยังมีการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์ในด้านต่างๆ อีกหลายด้าน ดังต่อไปนี้
1. งานธุรกิจ

เช่น บริษัท ร้านค้า ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนโรงงานต่างๆ ใช้คอมพิวเตอร์ในการทำบัญชี งานประมวลคำ และติดต่อกับหน่วยงานภายนอกผ่านระบบโทรคมนาคม งานธนาคาร ที่ให้บริการถอนเงินผ่านตู้ฝากถอนเงินอัตโนมัติ ( ATM ) และใช้คอมพิวเตอร์คิดดอกเบี้ยให้กับผู้ฝากเงิน และการโอนเงินระหว่างบัญชี เชื่อมโยงกันเป็นระบบเครือข่าย


2. งานวิทยาศาสตร์ การแพทย์ และงานสาธารณสุข

สามารถนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในส่วนของการคำนวณที่ค่อนข้างซับซ้อน เช่น งานศึกษาโมเลกุลสารเคมี วิถีการโคจรของการส่งจรวดไปสู่อวกาศ หรืองานทะเบียน การเงิน สถิติ และเป็นอุปกรณ์สำหรับการตรวจรักษาโรคได้ ซึ่งจะให้ผลที่แม่นยำกว่าการตรวจด้วยวิธีแบบเดิม

3. งานคมนาคมและสื่อสาร

ในส่วนที่เกี่ยวกับการเดินทาง จะใช้คอมพิวเตอร์ในการจองวันเวลา ที่นั่ง ซึ่งมีการเชื่อมโยงไปยังทุกสถานีหรือทุกสายการบินได้ ทำให้สะดวกต่อผู้เดินทางที่ไม่ต้องเสียเวลารอ อีกทั้งยังใช้ในการควบคุมระบบการจราจร เช่น ไฟสัญญาณจราจร และ การจราจรทางอากาศ หรือในการสื่อสารก็ใช้ควบคุมวงโคจรของดาวเทียมเพื่อให้อยู่ในวงโคจร ซึ่งจะช่วยส่งผลต่อการส่งสัญญาณให้ระบบการสื่อสารมีความชัดเจน

4. งานวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม

สถาปนิกและวิศวกรสามารถใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบ หรือ จำลองสภาวการณ์ ต่างๆ เช่น การรับแรงสั่นสะเทือนของอาคารเมื่อเกิดแผ่นดินไหว โดยคอมพิวเตอร์จะคำนวณและแสดงภาพสถานการณ์ใกล้เคียงความจริง รวมทั้งการใช้ควบคุมและติดตามความก้าวหน้าของโครงการต่างๆ เช่น คนงาน เครื่องมือ ผลการทำงาน

5. งานราชการ

เป็นหน่วยงานที่มีการใช้คอมพิวเตอร์มากที่สุด โดยมีการใช้หลายรูปแบบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบทบาทและหน้าที่ของหน่วยงานนั้นๆ เช่น กระทรวงศึกษาธิการ มีการใช้ระบบประชุมทางไกลผ่านคอมพิวเตอร์ , กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้จัดระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตเพื่อเชื่อมโยงไปยังสถาบันต่างๆ , กรมสรรพากร ใช้จัดในการจัดเก็บภาษี บันทึกการเสียภาษี เป็นต้น

6. การศึกษา

ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ทางด้านการเรียนการสอน ซึ่งมีการนำคอมพิวเตอร์มาช่วยการสอนในลักษณะบทเรียน CAI หรืองานด้านทะเบียน ซึ่งทำให้สะดวกต่อการค้นหาข้อมูลนักเรียน การเก็บข้อมูลยืมและการส่งคืนหนังสือห้องสมุด


ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ 4

4.) หน่วยความจำ (Memory Unit)




หน่วยความจำ (Memory Unit) อุปกรณ์เก็บสถานะข้อมูลและชุดคำสั่ง เพื่อการประมวลผลของคอมพิวเตอร์ แบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ หน่วยความจำชั่วคราวและหน่วยความจำถาวร








- หน่วยความจำชั่วคราว คือ แรม (RAM: Random Access Memory)เป็นหน่วยความจำที่ใช้ขณะคอมพิวเตอร์ทำงาน ข้อมูลและชุดคำสั่งจะหายไปทุกครั้งที่เราปิดเครื่อง













RAM










- หน่วยความจำถาวรหรือ หน่วยความจำหลัก ได้แก่ ฮาร์ดดิสก์ Hard Disk ที่ใช้ในการเก็บข้อมูล และ รอม (ROM: Read Only Memory) ที่ใช้ในการเก็บค่าไบออส หน่วยความจำถาวรจะใช้ในการเก็บข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์และจะไม่สูญหายเมื่อปิดเครื่อง





Harddisk






ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ 3

3.) หน่วยแสดงผล (Output Unit)


หน่วยแสดงผล (Output Unit) เป็นหน่วยที่แสดงผลลัพธ์ที่มาจากการประมวลผลข้อมูล ของส่วนประมวลผลข้อมูล โดยปกติรูปแบบของการแสดงผล มีอยู่ 2 แบบ ด้วยกันคือ แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ และแบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้





- แบบที่สามารถเก็บไว้ดูภายหลังได้ เช่น เครื่องพิมพ์ (Printer) และ เครื่องวาด (Plotter)






เครื่องพิมพ์ (Printer)








เครื่องวาด (Plotter)











- แบบที่ไม่มีสำเนาเก็บไว้ เช่น จอภาพ(Monitor) , เครื่องฉายภาพ(LCD Projector) และ ลำโพง (Speaker)
















จอภาพ (monitor)















เครื่องฉายภาพ (LCD Projector)












ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ 2

2.) ส่วนประมวลผลข้อมูล (Central Processing Unit)




ส่วนประมวลผลข้อมูล (Central Processing Unit) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลที่รับมาจาก ส่วนรับข้อมูล(Input Unit) เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ อีกทั้งยังทำหน้าที่ในการควบคุมการทำงานต่างๆ ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์










ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ 1

โดยหลักการแล้ว ส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ประกอบไปด้วยอุปกรณ์ที่ทำงานตามหน้าที่ 4 ส่วนด้วยกัน คือ





1.) ส่วนรับข้อมูล (Input Unit)


เป็นส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ที่ทำหน้าที่รับข้อมูลจากคน และส่งต่อข้อมูลไปยัง หน่วยประมวลผล(Process Unit) เพื่อทำการประมวลผลต่อไป รูปแบบการส่งข้อมูลจากอุปกรณ์รับข้อมูลจะอยู่ในรูปของการส่งสัญญาณเป็นรหัสดิจิตอล (หรือเป็นเลข 0 กับ 1) นั่นเอง อุปกรณ์ส่วนรับข้อมูล ได้แก่










- คีย์บอร์ด (keyboard)




- เมาส์ (mouse)









- สแกนเนอร์ (scanner)










- อุปกรณ์สแกนลายนิ้วมือ (finger scan)










- ไมโครโฟน(microphone)









- กล้องเว็บแคม (webcam)







อุปกรณ์ใน ส่วนรับข้อมูล ยังมีอีกมากมายและสามารถจะยังมีเพิ่มตามขึ้นไปเรื่อยๆ ตามการพัฒนาด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์


ที่มา : http://computer.kapook.com/component.php






























การทำงานของคอมพิวเตอร์

การทำงานของคอมพิวเตอร์ โดยหลักการแล้วจะมีขั้นตอนการทำงานอยู่ 3 ขั้นตอนใหญ่ๆ คือ
ขั้นตอนที่ 1 รับข้อมูลเข้า (input)



ขั้นตอนที่ 2 ประมวลผลข้อมูล (process)
ขั้นตอนที่ 3 แสดงผลข้อมูล (output)







ขั้นตอนที่ 1 : รับข้อมูลเข้า (Input)




เริ่มด้วยการนำข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์ ผ่านทางอุปกรณ์ Input ชนิดต่างๆ เช่น ถ้าเป็นการพิมพ์ข้อมูลจะใช้คีย์บอร์ด เพื่อพิมพ์ข้อความหรือโปรแกรมเข้าเครื่อง ถ้าเป็นการเขียนภาพจะใช้เครื่องอ่านพิกัดภาพกราฟิค (Graphics Tablet) โดยมีปากกาชนิดพิเศษสำหรับเขียนภาพ หรือ ใช้เครื่องสแกนเนอร์ สแกนข้อมูลเข้าไป เป็นต้น




ขั้นตอนที่ 2 : ประมวลผลข้อมูล (Process)




เมื่อนำข้อมูลเข้ามาแล้ว เครื่องจะดำเนินการประมวลผลกับข้อมูลตามคำสั่งที่ได้รับมาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ โดยการประมวลผลอาจจะมีได้หลายลักษณะ เช่น นำข้อมูลมาหาผลรวม นำข้อมูลมาจัดกลุ่ม นำข้อมูลมาหาค่ามากที่สุด หรือน้อยที่สุด เป็นต้น และในส่วนของการประมวลผลจะทำการร่วมกันกับหน่วยความจำอีกด้วย ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะของการประมวลผล




ขั้นตอนที่ 3 : แสดงผลข้อมูล(Output)




เป็นการนำผลลัพธ์จากการประมวลผลมาแสดงผ่านทางอุปกรณ์แสดงผลที่กำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะแสดงผ่านทางจอภาพ(Monitor) และยังสามารถแสดงผลด้วยการพิมพ์ข้อมูลออกทางกระดาษโดยใช้เครื่องพิมพ์(Printer)ก็ได้


ที่มา : http://med.swu.ac.th/msmc/index.php?option=com_content&view=article&id=16&Itemid=38

ความรู้สึกที่มีต่อแม่

...รักของแม่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งไหน


หาสิ่งใดมาเทียบมิได้หนา


ตั้งแต่แม่ตั้งท้องคลอดลูกยา


อีกน้ำนมของมารดาให้ลูกกิน


แม่ถนอมกล่อมเกลี้ยงเลี้ยงลูกน้อย


แม่เฝ้าคอยพัดวีให้ลูกสิ้น


แม่ยอมอดเมื่อให้ลูกนั้นได้กิน


แม่ยลยินลูกน้อยดั่งกลอยใจ...


"หนูมีความรู้สึกว่า แม่คือเพื่อนที่ดีของหนู และไม่เคยทอดทิ้งหนู แม้ว่าหนูจะไปไหน หรือเป็นอะไรก็ตาม แม่ก็คอยเป็นห่วงหนูมาตลอด แม่คอยป้อนอาหาร อาบน้ำให้ตอนที่หนูยังเป็นเด็กเล็กๆ หนหนูรักแม่มาก แม่เป็นผู้ให้กำเนิดหนู ให้ชีวิตหนู ตั้งแต่หนูอยู่ในท้องแม่ และแม่ส่งเสียให้หนูไปเรียนเพื่อจะให้หนูเป็นเด็กดี เป็นคนดี หนูรักแม่มากที่สุด"

ประวัติส่วนตัว

ชื่อ อรจิรา วงศ์พรหมพิริยะ ชื่อเล่น อาย

เกิดวันที่ 24 กันยายน 2535 อายุ 17 ปี

ศาสนา พุทธ กรุ๊ปเลือด เอ

ปัจจุบันเรียนอยู่ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5

ที่ โรงเรียนอาเวมารีอา จ.อุบลราชธานี